บทที่
4
มอร์แกน เลอ เฟย์
มอร์แกน
เลอ เฟย์ คือนามแห่งราชินีองค์หนึ่ง ผู้มีปราสาทอยู่ในอาณาจักรกอร์เรส
หล่อนเป็นหญิงสาวที่ชั่วร้ายมาก หล่อนสามารถใช้เวทย์มนต์ เพียงเพื่อทำสิ่งเลวร้ายเท่านั้น
ซึ่งกษัตริย์อาเธอร์ไม่รู้มาก่อนว่ามอร์แกน เลอ เฟย์ชิงชังเขาแค่ไหน อย่างไรก็ดี เจ้าหล่อนก็อยากที่จะให้กษัตริย์อาเธอร์ตายๆ
ไปเสีย
‘นางยังคงเป็นมิตรที่ดีต่อเรา’ กษัตริย์อาเธอร์คิด โดยที่เขาไม่รู้ว่านางกำลังวางแผนชั่วร้าย
วันหนึ่งเขาได้ขี่ม้าเข้าไปในป่า
เพื่อที่จะไปล่าสัตว์ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้นำดาบนั้นติดตัวมาด้วย
เขาทิ้งดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ไว้กับราชินีมอร์แกน เลอ เฟย์ ที่ปราสาทของนาง
“ข้าจะกลับมาเอาดาบของข้า
ก่อนที่จะกลับปราสาทของข้าแล้วกัน” เขาบอกหล่อน
อาเธอร์ขี่ม้านำคนของเขาไปในป่า
เขาเดินทางไปทางทอดยาวสู่ป่ามืดนั้น แล้วเขาก็หาทางกลับออกมาไม่ได้อีกครั้ง
เมื่อเวลากลางคืนมาถึง เขามองไปทางไหนก็ไม่เห็นคนของเขา อาเธอร์จึงมาที่ทะเลสาป
จากนั้นเขาก็เห็นแสงไฟเล็กๆ ในทะเลสาป
แล้วเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ แสงไฟนั่นก็คือเรือที่สวยงามลำหนึ่ง
‘ข้าจะไปที่เรือนั่น’
อาเธอร์คิด
เมื่อเขาได้เข้าไปในเรือ
เขาเห็นอาหารและเครื่องดื่มมากมายถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะอย่างดี
และเตียงนอนก็เช่นกัน
แต่เขาไม่เห็นใครบนเรือลำนี้เลย แล้วมันก็ดึกมากแล้ว อีกทั้งเขายังรู้สึกเหนื่อยล้าอีกด้วย
‘ข้าจะอยู่ที่นี่คืนนี้’ เขาคิด
‘แล้วในตอนเช้า ข้าจะหาทางกลับออกจากป่า
จากนั้นก็จะไปรับดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์คืน
และกลับคาเมล็อต’
ดังนั้น
เขาจึงกินอาหารค่ำ และนอนหลับไปที่บนเรือลำนั้น แต่เมื่อเขาตื่นขึ้นในตอนเช้า
เขากลับพบว่าตนเองไม่ได้อยู่บนเรือลำนั้นแล้ว เขากลับอยู่ในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง ที่มีเพียงหน้าต่างเล็กๆ
เพียงบานเดียวเท่านั้น ซึ่งก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือที่ไหน ประตูห้องยังคงปิดไว้
ดังนั้นเขาจึงออกไปจากห้องนั้นไม่ได้ แต่ที่ห้องนั้นก็มีอัศวินอยู่สามคน
“ที่นี่คือปราสาทของเซอร์ดามัส เขาเป็นอัศวินที่ชั่วร้ายราวกับปีศาจ
เขาจับพวกข้าแล้วเอามาขังไว้ในนี้เช่นกัน”
หนึ่งในอัศวินเหล่านั้นพูดกับอาเธอร์
“เซอร์ดามัสอยากให้พวกข้าต่อสู้เพื่อเขา
แล้วพวกข้าก็จะออกไปจากปราสาท หรือจะอยู่ที่นี่รอความตายก็ได้ทั้งนั้น”
จากนั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพาอาเธอร์ไปห้องกว้างห้องหนึ่ง
เซอร์ดามัสอยู่ที่นั่น
“ท่านจะต่อสู้เพื่อข้าหรือไม่?”
เซอร์ดามัสถาม
“นั่นเป็นคำถามที่ยากพอดูเลย
เซอร์ดามัส”กษัตริย์อาเธอร์ตอบ
“ข้าจะสู้เพื่อเจ้า
แต่เมื่อข้าชนะ ข้าต้องการอัศวินทั้งสามในห้องขังนั่น จากนั้น
พวกข้าก็จะออกไปจากปราสาทของเจ้า”
“ได้ตามนั้น” เซอร์ดามัสตอบ
“สู้เพื่อข้าซะ
แล้วท่านก็จะพาอัศวินพวกนั้นไปด้วยก็ได้”
“ข้าต้องการม้าและดาบ”
กษัตริย์อาเธอร์บอก
แล้วก็มีคนเข้ามาในห้อง
เขานำดาบมาให้อาเธอร์
“ดาบนี้ราชินีมอร์แกน เลอ เฟย์ เตรียมไว้ให้ท่าน
กษัตริย์อาเธอร์ท่านทิ้งมันไว้กับนางนี่นะและนางก็ได้ยินว่าท่านจะเข้าร่วมการต่อสู้ในวันนี้
นางจึงอยากให้ท่านใช้ดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์นั่นในการต่อสู้” คนที่นำมาดาบมาให้กล่าว
กษัตริย์อาเธอร์มองไปที่ดาบ
“ใช่ นี่คือเอ็กซ์คาลิเบอร์” เขาคิดอย่างเริงร่า แล้วมั่นใจว่าจะไม่มีใครฆ่าเขาได้
เมื่อเขามีฝักดาบเวทย์มนต์นั่น แล้วเซอร์ดามัสก็ให้อาหารและเครื่องดื่มแก่เขา
เพื่อให้พร้อมสำหรับการต่อสู้
เมื่อกษัตริย์อาเธอร์พร้อมแล้ว
เขาจึงเดินออกไป และเขาเห็นอัศวินอีกคนที่นั่น ซึ่งเขาคิดว่าไม่รู้จักอัศวินคนนั้นมาก่อน
เพราะไม่เห็นแม้กระทั่งหน้าของอัศวินที่อยู่ภายใต้หมวกเหล็กนั่น
“ใครคืออัศวินคนนี้กัน?
มาจากที่ไหน? กษัตริย์คนใดส่งเขามา?”
อัศวินคนอื่นๆ
ที่อยู่ที่นั่นก็จำกษัตริย์อาเธอร์ที่ใบหน้าซ่อนไว้ภายใต้หมวกเหล็กไม่ได้เช่นกัน
เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น กษัตริย์อาเธอร์รู้สึกแย่มาก
เขาไม่สามารถที่จะต่อสู้กับอัศวินอีกคนด้วยดาบของเขาได้ เพราะดาบเล่มนี้ที่จริงแล้วไม่ใช่เอ็กซ์คาลิเบอร์! มันเป็นเพียงดาบที่ทำมาจากเวทย์มนต์ของมอร์แกน เลอ เฟย์ ซึ่งมันดูเหมือนกับเอ็กซ์คาลิเบอร์
แต่มันต่างกันมาก
เมื่ออัศวินอีกคน เข้าจู่โจมอาเธอร์ด้วยดาบของพวกเขานั้น
ก็ทำให้อาเธอร์บาดเจ็บไม่น้อย และรู้สึกอ่อนแรงลงอย่างมาก
‘ดาบของเขาแข็งแกร่งมาก’
อาเธอร์คิด
กษัตริย์อาเธอร์ยังคงสู้ต่อไปด้วยความกล้าหาญที่มีอยู่ในตัว
ผู้คนมากมายก็มาเพื่อดูการต่อสู้นี้ แต่แล้วดาบของอาเธอร์ก็หัก พร้อมกับที่เขาล้มลงไปกับพื้น
“เซอร์!” อัศวินคนนั้นร้องขึ้น
“พูดออกมาสิว่าข้าคือผู้ชนะ!
แล้วข้าก็จะไม่ฆ่าเจ้า!”
“ไม่มีทาง!” อาเธอร์ร้องขึ้น
“ข้าจะสู้ และสู้ต่อไป”
กษัตริย์อาเธอร์ฉวยด้ามของดาบที่หักแล้วของเขาขึ้น
และพุ่งฟันเข้าไปที่หัวของอัศวินนั่น ด้วยแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ อัศวินคนนั้นล้มลงไปกับพื้น
แล้วดาบของเขาล่วงหล่นจากมือ อาเธอร์
จึงรีบเข้าไปคว้ามาไว้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาได้สัมผัสดาบเล่มนั้น
มันทำให้เข้ารู้ในพลังที่คุ้นเคยจากมันทันที มันคือดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์นั่นเอง! แล้วอาเธอร์ก็เหลือบไปเห็นฝักดาบที่ตกอยู่ข้างอัศวินนั้น
เขาก็กระโดดเข้าไปคว้ามันไว้เช่นกัน
“บอกมา เจ้าคือใคร?
มีนามว่าอย่างไร?” อาเธอร์ถาม แล้วอัศวินก็ยืนขึ้นก่อนที่จะตอบคำถาม
“ข้าคือเซอร์เอคโคลอน อัศวินโต๊ะกลม
หนึ่งในอัศวินของกษัตริย์อาเธอร์”
“งั้นบอกข้ามา
เหตุใดเจ้าถึงต่อสู้กับข้า ที่เป็นกษัตริย์ของเจ้า?”
“เซอร์
ข้าไม่รู้จักท่านเลย ข้ามาที่นี่ก็เพราะราชินีมอร์แกน เลอ เฟย์ ส่งข้ามา
นางบอกข้าเพียงว่า
‘กษัตริย์อาเธอร์อยู่ในปราสาทของเซอร์ดามัส เจ้าต้องไปต่อสู้กับเซอร์ดามัส แล้วเขาก็จะไม่สังหารกษัตริย์ของเจ้า’
แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าท่านไม่ใช่เซอร์ดามัส ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วยเถิด”
เซอร์แอคโคลอนพูด
“แล้วใครที่เป็นคนให้ดาบเล่มนี้แก่เจ้า?”
อาเธอร์ถาม
“ราชินีมอร์แกน เลอ เฟย์ให้มันแก่ข้า นางบอกว่า ‘นี่คือดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ของกษัตริย์อาเธอร์
และฝักดาบนี่ด้วยเช่นกัน ให้นำมันไปใช้ในการต่อสู้ เมื่อเจ้าต่อสู้ชนะ
กษัตริย์ของเจ้าก็จะออกจากปราสาทของเซอร์ดามัส อัศวินชั่วร้ายนั่นได้’”
กษัตริย์อาเธอร์โกรธมากเมื่อเขาได้ฟังเรื่องราวจากแอคโคลอน
“ข้ารู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้ต้องการที่จะฆ่าข้า เซอร์แอคโคลอน
เจ้าคืออัศวินที่กล้าหาญ ตอนนี้ข้าเข้าใจถึงแผนการร้ายของมอร์แกน เลอ เฟย์แล้ว
และข้าได้เคยพูดคุยกับพ่อมดเมอร์ลิน พ่อมดได้เตือนข้า
ว่าต้องดูแลดาบและฝักของมันให้ดี แต่ข้าไม่ได้ใส่ใจเอง”
กษัตริย์อาเธอร์กับเซอร์แอคโคลอนได้กลับไปที่ปราสาทของเซอร์ดามัส
และเพื่อช่วยอัศวินทั้งสามคนที่อยู่ที่นั่น จึงเกิดการต่อสู้ระหว่างเขากับเซอร์ดามัสขึ้น
และกษัตริย์อาเธอร์ก็เอาชนะได้ด้วยดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ แต่หลังจากการต่อสู้นั้น
เขาก็อาการสาหัสเช่นกัน
“เซอร์ดามัสจงมาหาข้า!” กษัตริย์พูดขึ้น แล้วเซอร์ดามัสก็มาหากษัตริย์
อาเธอร์
“ทำไมเจ้าต้องการให้ข้าต่อสู้เพื่อเจ้า? เหตุใดข้าจะต้องสู้กับเซอร์แอคโคลอน
ที่เป็นอัศวินของตนเอง?” กษัตริย์อาเธอร์ถามเขา
“เพราะมันเป็นความต้องการของราชินีมอร์แกน
เลอ เฟย์” เซอร์ดามัส
ตอบ
“เจ้าผู้ขลาดเขลา”
อาเธอร์พูด
“เจ้าจะไม่ได้เป็นอัศวินอีกต่อไป แล้วปราสาทแห่งนี้ก็จะกลายเป็นของข้า
รวมถึงทุกๆ อย่างในปราสาทแห่งนี้ จากนั้นข้าจะยกทั้งหมดนี้ให้แก่น้องชายของเจ้าแทน”
แล้วกษัตริย์อาเธอร์ก็เดินทางออกมาจากปราสาทนั้น
และพักรักษาตัวโดยที่ไม่ได้กลับไปที่เมืองคาเมล็อต
มอร์แกน
เลอ เฟย์ ยังคงอยู่ที่เมืองคาเมล็อต ในขณะที่กษัตริย์อาเธอร์ไม่ได้อยู่ที่นั่น
“ตอนนี้ก็สิ้นกษัตริย์อาเธอร์เสียที!”
นางคิด
แต่เมื่อคนของนางมาถึงเมืองคาเมล็อค
ก็ได้แจ้งข่าวเรื่องการต่อสู้ของกษัตริย์อาเธอร์แก่นาง
“กษัตริย์อาเธอร์ไม่ได้ตายในการต่อสู้นั้น”
มอร์แกน
เลอ เฟย์ จึงไปหาราชินีกวินนิเวียร์ เพื่อลากลับเมือง
“ข้าต้องขอกลับไปอาณาจักรของข้าแล้ว
ตอนนี้ประชาชนกำลังต้องการข้า”
ราชินีกวินนิเวียร์นั้นไม่รู้เรื่องความคิดชั่วร้ายของราชินีแม่มดมอร์แกน
เลอ เฟย์ จึงพูดว่า
“อย่าเพิ่งไปเลย กษัตริย์กำลังจะกลับมาที่คาเมล็อต
ข้าคิดว่าเขาคงจะมาถึงที่นี่ในวันมะรืนหรืออย่างเร็วก็วันพรุ่ง
เขาต้องดีใจแน่ถ้าได้พบท่าน”
“ไม่! ไม่!” มอร์แกน เลอ เฟย์ปฏิเสธ
“ข้าอยู่ไม่ได้หรอก คือ..ข้าต้องไปแล้ว”
แล้วราชินีแม่มดก็ควบม้าสีดำออกจากเมืองคาเมล็อตไป
มอร์แกน เลอ
เฟย์ขี่ม้าสีดำของนางไปเรื่อยๆ ไม่มีหยุดพักไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน
พอนางพบผู้คนตามทาง นางก็คอยถามพวกเขา
“กษัตริย์อาเธอร์อยู่ที่ไหน?
บอกข้า กษัตริย์อาเธอร์อยู่ที่ไหน?”
นางไม่รับรู้ข่าวคราวของอาเธอร์มานาน
จนกระทั่งวันหนึ่ง
“กษัตริย์กำลังป่วยหนัก”
ชายคนหนึ่งบอกนาง
“จากการต่อสู้กับอัศวินที่ปราสาทของเซอร์ดามัส
อัศวินได้ทำให้กษัตริย์อาเธอร์บาดเจ็บ ดังนั้นพระองค์จึงยังกลับไปคาเมล็อตไม่ได้ ตอนนี้คงรักษาตัวอยู่กับแม่ชี
พวกนางเป็นคนดี และพระองค์จะต้องอาการดีขึ้นจากการช่วยเหลือของพวกนางแน่นอน”
แม่ชีทำงานให้โบสถ์และช่วยเหลือผู้คน
พวกนางใจดีมาก แล้วก็อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่และเงียบสงบ คนผ่านไปมาหากต้องการความช่วยเหลือก็สามารถอยู่ที่นั่นได้
มอร์แกน เลอ เฟย์ กล่าวขอบคุณชายคนนั้น และเดินทางไปหาแม่ชี
“ข้าเดินทางมานานแล้ว
และข้าก็หิวข้าว กระหายน้ำมาก” นางพูด
“ได้โปรดแบ่งอาหารให้แก่ข้าด้วยได้ไหม?”
แล้วแม่ชีก็นำอาหารและเครื่องดื่มมาให้มอร์แกน
เลอ เฟย์
“มีใครที่พักอยู่ที่นี่อีกหรือไม่?”
ราชินีแม่มดถาม
“ใช่แล้ว” แม่ชีตอบ
“กษัตริย์อาเธอร์อยู่ที่นี่ เขาบาดเจ็บจากการต่อสู้กับอัศวิน เขาจะไปจากที่นี่เมื่อบาดแผลดีขึ้นแล้ว
ตอนนี้เขากำลังหลับอยู่ ท่านพูดคุยกับเขาได้ ถ้าหากเขาตื่นแล้ว”
“โอ้! ฝ่าบาท!” มอร์แกน เลอ
เฟย์ ร้องขึ้น
“ข้ารอไม่ได้หรอก เพราะข้าต้องกลับบ้านแล้ว แต่ได้โปรดให้ข้าได้เห็นหน้าพระองค์ได้หรือไม่?
ข้ารักกษัตริย์ของข้า และข้าต้องการพบพระองค์มาก!”
“เราปลุกให้กษัตริย์ตื่นไม่ได้หรอกท่าน! ตอนนี้พระองค์ป่วยอยู่
และกำลังพักผ่อนบนเตียง” แม่ชีคนหนึ่งพูดขึ้น
“ได้โปรดเถิด ให้ข้าได้นั่งใกล้ๆ กษัตริย์ของข้าสักหนึ่งหรือสองนาทีเท่านั้น
ข้าอยากเห็นพระพักต์ของท่าน! " มอร์แกน เลอ เฟย์ ขอร้องอีกครั้ง
แม่ชีทบทวนเรื่องที่นางขอร้อง
“อย่างงั้นก็ได้
ท่านเข้าไปดูกษัตริย์ได้ แต่ห้ามส่งเสียงดัง และห้ามปลุกเด็ดขาด”
แล้วมอร์แกน เลอ
เฟย์ก็เข้าไปในห้องที่พักของกษัตริย์อาเธอร์
นางยื่นถัดจากเตียงของเขาและจ้องมองเขา กษัตริย์ยังคงหลับ ทว่าในมือก็กำดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ไว้แน่น
ราชินีแม่มดไม่สามารถที่จะขโมยดาบไปได้ เพราะนางไม่อยากให้เขาตื่น
แล้วนางก็หันไปเห็นฝักของดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์วางอยู่ปลายเตียง
นางรีบหยิบมันขึ้นมาซ่อนไว้ใต้เสื้อคลุมของนางอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ใครสังเกตุเห็น
แล้วนางเดินออกจากห้องของกษัตริย์ทันที พูดกล่าวขอบคุณและบอกลาแก่แม่ชี จากนั้นมอร์แกน เลอ
เฟย์จึงขึ้นขี่ม้าสีดำของนางและจากไป
เมื่อกษัตริย์อาเธอร์ตื่นขึ้น
เขามองหาฝักดาบแต่กลับไม่พบมันวางอยู่ที่ปลายเตียง
‘มีบางอย่างผิดปกติ’
พระองค์คิด
‘ฝักของดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์หายไปไหน?’
พระองค์โกรธมากและเรียกแม่ชีมาเพื่อถาม
“มีใครเข้ามาในห้องขณะที่ข้ากำลังหลับอยู่หรือไม่?”
เขาถามแม่ชีผู้นั้น
“ราชินีมอร์แกน เลอ เฟย์
มาที่นี่ฝ่าบาท” นางตอบ
“ไม่มีคนอื่นอีกแล้วนอกจากนาง นางไม่ได้ค้างคืนที่นี่
แต่นางเข้ามาในห้องนี้ นางบอกว่านางรักฝ่าบาทและต้องการเพียงได้เห็นพระพักต์เท่านั้น”
“ขอบคุณ” กษัตริย์พูด
“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของเจ้า ข้ามาที่นี่บ้านหลังนี้
ขณะที่ข้าป่วยหนัก เจ้าทุกคนใจดี ดูแลข้าอย่างดี ตอนนี้บาดแผลของข้าดีขึ้นแล้ว และข้าก็คงต้องลาเสียที
ข้ามีเรื่องสำคัญ! ข้าต้องตามราชินีมอร์แกน เลอ เฟย์ไป
เพราะตอนที่นางมาหาข้าที่ห้อง นางได้ขโมยฝักดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ของข้าไป”
แม่ชีไม่อยากให้เขาไปเพราะบาดแผลและอาการป่วยของเขายังไม่หายดี
แต่พวกนางก็ช่วยเขาขึ้นม้า และกษัตริย์ก็ขี่ม้าจากไป
กษัตริย์อาเธอร์ขี่ม้าตามโดยไม่หยุดพักเลยสักชั่วโมงเดียว
จากนั้นเขาก็เดินทางมาถึงแม่น้ำแห่งหนึ่ง
มีชายคนหนึ่งกับสัตว์เลี้ยงของเขาอยู่ที่นั่น
“เห็นใครผ่านมาทางนี้หรือไม่?”
กษัตริย์ถาม
“มีสิ” ชายคนนั้นตอบ
“หญิงงามคนหนึ่งขี่ม้าสีดำผ่านมาทางนี้ นางข้ามแม่น้ำนี่ไป ดูรีบร้อน
และไม่ยอมหยุดพักระหว่างทางเลย”
แล้วกษัตริย์อาเธอร์ก็ข้ามแม่น้ำไป
ผ่านป่าใหญ่ ขึ้นภูเขา แล้วเขาก็มองลงมาจากบนภูเขานั้น ก็เห็นมอร์แกน เลอ เฟย์
ที่กำลังขี่ม้าสีดำอยู่ไกลออกไป ขณะเดียวกันมอร์แกน เลอ เฟย์ มองกลับไปข้างหลัง ก็เห็นกษัตริย์
ยิ่งใกล้ทะเลสาบทางก็มีแต่ดินและหินมากมาย
นางเดินทางข้ามหินเหล่านั้น จนไปถึงที่ทะเลสาปแห่งหนึ่ง ทะเลสาปสีดำ ที่ไม่มีสัตว์ตัวใดกล้าเข้าไปดื่มน้ำที่นั่น
ไม่มีแม้แต่เสียงนกร้องอยู่บนต้นไม้ ราชินีมอร์แกน เลอ เฟย์
ลงจากหลังม้าสีดำตัวนั้น และนำฝักดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ของกษัตริย์อาเธอร์ขึ้นมา
ก่อนที่นางจะขว้างมันลงไปในทะเลสาป
“ท่านไม่มีทางจะได้มันไปหรอก”
นางแผดเสียง
“ฝักดาบนั้นจะไม่มีทางช่วยเขาจากการต่อสู้ได้อีก จะไม่มีใครหาสิ่งนี้เจอ
เพราะมันจมอยู่ที่ก้นทะเลสาปนี้เสียแล้ว!”
จากนั้นนางก็ขึ้นม้าของนางและกลับไปยังปราสาทของนางอย่างรวดเร็ว
กษัตริย์อาเธอร์ที่ตามมอร์แกน เลอ เฟย์มาถึงที่ทะเลสาป แต่เขาก็มองไม่เห็นราชินีแล้ว
‘นางไปทางไหนกัน?’
กษัตริย์อาเธอร์คิด
‘ม้าตัวนั้นไปทางไหน? ข้าไม่สามารถตามรอยเท้าของม้าจากพื้นที่เป็นหินพวกนี้ได้เลย’
กษัตริย์อาเธอร์มองไปรอบๆ
แต่เขาก็ไม่เห็นอะไรเลย ดังนั้น เขาจึงเดินทางกลับไปยังคาเมล็อต โดยปราศจากฝักดาบ
แม้กษัตริย์อาเธอร์จะมีดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ แต่เพราะราชินีปิศาจนั่น
ทำให้เขาต้องเสียปลอกดาบเวทย์มนต์ไป ตอนนี้มันได้ตกลงไปอยู่ใต้ทะเลสาปดำ
และเขาก็ไม่มีทางที่จะหามันเจอ
บทที่
5
วิเวียน และ เมอร์ลิน
เมื่อกษัตริย์อาเธอร์ยังเป็นเด็กหนุ่ม
เมอร์ลินคอยใช้เวทย์มนต์เพื่อช่วยเหลือเขามาตลอด
เขาสอนให้อาเธอร์เป็นกษัตริย์ที่ดีและเป็นอัศวินที่กล้าหาญ
เมอร์ลินช่วยอาเธอร์ให้เป็นกษัตริย์ที่ใจดีกับประชาชนในอาณาจักร
จนทำให้พวกเขาทุกคนรักอาเธอร์ ด้วยความช่วยเหลือของพ่อมดเมอร์ลิน จึงทำให้อาเธอร์ได้คอยดูแลเมืองจนสวยงามขึ้น
ซึ่งก็คือเมืองคาเมล็อต ทำให้เมืองนี้มีถนนหาทาง บ้าน และปราสาทใหญ่มากมาย
เมื่อเมอร์ลินชราลง
เขาก็ได้มาหากษัตริย์อาเธอร์อีกครั้ง
“ตอนนี้ข้าคงต้องบอกลาเจ้าเสียที”
เมอร์ลินพูด
“บอกลา? เกิดอะไรขึ้น พ่อมดเมอร์ลิน?" กษัตริย์อาเธอร์ถาม
“ข้ากำลังจะตาย” เมอร์ลินบอกเขา
“ข้าอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้ ในอนาคตถ้าหากเจ้าเกิดกระทำใดๆ ที่ผิดพลาด
เวทย์มนต์ของข้าคงไม่อาจช่วยเจ้าได้อีก”
“โอ เมอร์ลิน!” กษัตริย์อาเธอร์พูดอย่างเศร้าสร้อย
“ข้าไม่อยากให้ท่านไป”
“ข้ากำลังจะลงไปยังถ้ำที่มืดมิด
และจะไม่กลับออกมาอีก”
“แต่เมอร์ลิน” กษัตริย์อาเธอร์ร้องขึ้น
“ท่านรู้เวทย์มนต์มากมาย ท่านหยุดสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ได้หรือ? ท่านจะต้องตายหรือ?”
“ข้าไม่สามารถที่จะหยุดความตายได้”
เมอร์ลินตอบ
“ตอนนี้
เจ้าจะต้องเป็นกษัตริย์ที่แข็งแกร่งได้โดยที่ไม่มีข้า!”
หลังจากที่เมอร์ลินได้พูดคุยกับกษัตริย์อาเธอร์แล้ว
คุณหญิงวิเวียนก็ได้เดินทางมาที่เมือง
คาเมล็อต ก่อนหน้านี้นางได้อาศัยอยู่กับธิดาแห่งทะเลสาปที่รู้เวทย์มนต์มากมาย
และยังเป็นผู้สร้างดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์อีกด้วย
วิเวียนจึงได้เรียนรู้เวทย์มนต์จากธิดาแห่งทะเลสาปเช่นกัน
หลังจากนั้นนางจึงเดินทางมาที่คาเมล็อตเพื่อที่จะเรียนเวทย์มนต์กับพ่อมดเมอร์ลิน
เมื่อมาถึงที่นี่นางก็ได้เรียนรู้เวทย์มนต์ทั้งหมดของเมอร์ลิน
และคิดว่า
‘แม้เมอร์ลินจะเป็นพ่อมดแก่ๆ ก็จริง แต่ข้าไม่สามารถฆ่ามันได้
เพราะเวทย์มนต์ที่แกร่งกล้าของมัน ถึงงั้นข้าก็คงจะส่งมันไปอยู่ที่ไหนได้สักแห่ง
ที่ที่มันจะไม่สามารถกลับมาได้อีก แล้วข้าก็จะกลายเป็นแม่มดที่มีเวทย์มนต์ที่แข็งแกร่งและวิเศษกว่าผู้ใดในโลก’
วิเวียนได้เดินทางไกลกับพ่อมดเมอร์ลินไปยังอีกอาณาจักรหนึ่ง
พวกเขาปีนขึ้นไปบนภูเขาสีเทาสูงลิบ จนไปถึงสถานที่มืดมิดแห่งหนึ่ง
ซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้ และแม่น้ำสายเล็กๆ แล้วที่นั่นพวกเขาได้พบกับถ้ำเวทย์มนต์
“ปากถ้ำเปิดอยู่”
เมอร์ลินบอกวิเวียน
“แล้วเมื่อเจ้าร่ายมนต์
ปากของถ้ำนั้นก็จะปิดลง”
“ข้ารู้คาถานั่น
แต่มนต์ใดที่จะทำให้ปากถ้ำนั่นเปิดได้อีกครั้งหรือ?” วิเวียนถาม
“ข้าไม่รู้” เมอร์ลินตอบ
“ข้าอยากเข้าไปดูในถ้ำนั้นสักหน่อย”
วิเวียนพูด
“มากับข้าเถิดท่านพ่อมด
นำทางให้ข้าที”
ด้วยเหตุนี้
เมอร์ลินจึงได้เดินนำเข้าไปในถ้ำ แต่ทันใดนั้นวิเวียนที่แสร้งจะเดินเข้าไปนั้น
ก็วิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว นางตะโกนร่ายมนต์ปิดปากถ้ำแห่งนั้น
ทันใดนั้นปากถ้ำก็ปิดลง เกิดเสียงดังกึกก้อง
เมอร์ลินติดอยู่ข้างในนั่นและไม่สามารถที่จะออกมาได้
จนเป็นที่เลื่องลือกันของชาวบ้านว่าพ่อมดเมอร์ลินผู้ยิ่งใหญ่ติดอยู่ในนั้น แต่ว่าสักวันหนึ่งจะมีคนที่สามารถมาทำลายประตูหินยักษ์ที่ปิดถ้ำอยู่ได้
และเมอร์ลินจะออกมาอีกครั้ง และช่วยโลกใบนี้ด้วยเวทย์มนต์ของเขา
เขาจะสอนให้ทุกคนเป็นคนดี ทุกแห่งหนจะมีแต่ความสุข แต่หลังจากวันที่น่าเศร้านั้น
กษัตริย์อาเธอร์ก็ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากเมอร์ลินอีกเลย
บทที่
6
เซอร์เมลิแกรนส์
เมื่อเข้าสู่เดือนพฤษภาคม
อากาศอบอุ่น ท้องฟ้าสีคราม หมู่ดอกไม้ต้องแสงอาทิตย์ดูงดงาม ราชินีกวินนิเวียร์ได้เรียกคนสนิทและอัศวินทั้งสิบของนางเข้าเฝ้า
และพูดขึ้นว่า
“ดื่มด่ำช่วงเวลาที่ดีในวันที่สวยงามเช่นนี้เถิด ในวันที่เจ้าดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิเบิกบานนี้
ไปเตรียมอาหารและเครื่องดื่มเสีย แล้วเราจะไปจัดงานฉลองเล็กๆ ในป่ากัน”
ดังนั้น กวินนิเวียร์จึงออกปราสาท
พร้อมกับคนสนิทและอัศวินของนาง ส่วนคนในปราสาทก็นำของสำหรับงานฉลองของตนมาเข้าร่วมด้วย
พวกเขาสนุกสนานรื่นเริงภายใต้แสงอาทิตย์ตลอดวัน
แล้วก็นั่งพักใต้ต้นไม้สีเขียวสูงใหญ่ด้วยกันในตอนบ่าย พูดคุยและดื่มด่ำไปกับอาหารมากมายจนถึงเย็น
“กลับกันเถิด” ราชินีพูด
“กษัตริย์อาเธอร์คงกำลังรอพวกเราอยู่ที่คาเมล็อต”
ในตอนที่ทุกคนกำลังจะกลับนั่นเอง
ก็มีชายสวมหมวกเหล็กถือดาบกว่า 20 คนกระโดดออกมาจากต้นไม้รอบๆ
“อยู่นิ่งๆ ห้ามขยับ!”
หนึ่งในพวกมันตะโกนออกมา
“ไม่งั้นจะฆ่าเสียให้หมด!”
เสียงนั่นมาจากเซอร์เมลิแกรนส์นั่นเอง
แล้วพวกนี้ก็คือคนของเขา เขาหลงรักราชินีกวินนิเวียร์
และต้องการที่จะพานางไปที่ปราสาทของเขา
“ข้ารักท่าน..” เขาพูด
“แล้วตอนนี้ท่านก็อยู่ที่นี่...
โดยที่ไม่มีกษัตริย์คอยขัดขวาง!”
“เซอร์เมลิแกรนส์” ราชินีร้องร่ำไห้
“กษัตริย์อาเธอร์ได้ให้ท่านเป็นถึงหนึ่งในอัศวินโต๊ะกลม! อัศวินจะต้องเป็นคนดี เหตุใดท่านถึงกล้าที่จะลักพาราชินีของกษัตริย์?”
“ข้ารู้เพียงว่าข้ารักท่าน คนของข้าจะช่วยเหลือข้า
และต่อสู้กับอัศวินของท่านด้วยเช่นกัน” เซอร์เมลิแกรนส์ตอบ
แล้วอัศวินทั้งสิบของกวินนิเวียร์ก็หันดาบไปหาเซอร์เมลิแกรนส์เพื่อปกป้องราชินี
“พวกข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าพาราชินีของพวกข้าไป!
พวกข้าจะหยุดท่านซะ”
ทว่าเซอร์เมลแกรนส์และคนของเขามีหมวกเหล็กและดาบที่แข็งแกร่งกว่าอัศวินของกวินนิเวียร์นัก
เพราะคนของเขาเตรียมการไว้แล้ว
แต่คนของราชินีมาที่นี่เพียงเพื่อชมป่าเท่านั้น แล้วพวกเขาก็เริ่มต่อสู้กัน
อัศวินของกวินนิเวียร์ต่อสู้อย่างสุดแรงด้วยความกล้าหาญ แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะได้
เพราะคนของเซอร์เมลิแกรนส์นั้นแข็งแกร่งเกินไปสำหรับอัศวินของราชินี
อีกทั้งยังมีจำนวนที่มากกว่า จนทำให้อัศวินของกวินนิเวียร์บาดเจ็บหนักในการต่อสู้
“หยุดสู้!” กวินนิเวียร์ร้องบอกอัศวินของนาง
“ถ้าไม่อยากถูกฆ่า”
ราชินีพูดแล้วมองไปที่เซอร์เมลิแกรนส์
“ก็ได้ เซอร์เมลิแกรนส์
ข้าจะไปกับท่าน” นางโกรธและกลัวมากในเวลาเดียวกัน
“อัศวินผู้กล้าหาญของข้า
ไปปราสาทเซอร์เมลิแกรนส์กับข้าเถิด”
ดังนั้น
ราชินีกวินนิเวียร์และคนของนางจึงเดินทางไปที่ปราสาทนั้น
แต่ก่อนจะเข้าไปราชินีหันไปพูดกับคนของนางคนหนึ่งว่า
“เจ้าขึ้นม้าเร็วตัวนี้ซะ”
นางกระซิบบอกเขา
“ไปที่คาเมล็อต เร็ว!
ไปบอกเรื่องนี้แก่กษัตริย์และเซอร์แลนเซลอต!”
เซอร์เมลิแกรนส์เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งขี่ม้าหนีออกไป
กระนั้นเขาก็จับเด็กหนุ่มนั่นไม่ทันเสียแล้ว
เด็กหนุ่มมาถึงเมืองคาเมล็อต
และพบเซอร์แลนเซลอตเข้าพอดี
เซอร์แลนเซลอตเป็นอัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดของกษัตริย์อาเธอร์
เมื่อเขาได้ยินเรื่องราวที่เด็กหนุ่มนำมาบอก เขาก็รีบสวมหมวกเหล็ก
และหยิบดาบขึ้นมาทันที
“ข้าจะไปที่ปราสาทเซอร์เมลิแกรนส์เพื่อตามหาราชินีเดี๋ยวนี้”
เซอร์แลนเซลอตพูดกับเด็กหนุ่ม
“เจ้าไปทูลฝ่าบาทเรื่องนี้เร็ว”
เมื่อแลนเซล็อตเดินทางมาใกล้กับปราสาทของเซอร์เมลิแกรนส์แล้ว
เขาครุ่นคิดว่า
‘คนของเซอร์เมลิแกรนส์จะต้องดักรออยู่ที่เส้นทางไปปราสาท พวกมันต้องออกมาตอนที่ข้าผ่านไปแน่นอน
ดังนั้นข้าจะไม่ไปตามทางนี้ แล้วไปทางป่าแทน’
เป็นไปตามที่แลนเซล็อตคาด
คนของเซอร์เมลิแกรนส์ดักซุ่มอยู่ข้างถนนนั้น
แต่พวกเขายังไม่ทันสังเกตเห็นอัศวินแลนเซล็อต แต่เซอร์แมลิแกรนส์มองออกมายังนอกปราสาท
กลับเห็นอัศวินได้อย่างชัดเจน
ขณะให้คนของเขาเองดักซุ่มอยู่ข้างเส้นทางนั้น
เขาก็เกิดกลัวขึนมา เพราะว่าแลนเซล็อตเป็นอัศวินที่แข็งแกร่งและกล้าหาญ
สามารถที่จะเอาชนะเซอร์เมลิแกรนส์ได้แน่ ดังนั้นเซอร์เมลิแกรนส์จึงบอกแก่ราชินีกวินนิเวียร์ว่า
“โอ้ ราชินีของข้า ข้าขอประธานอภัยด้วยเถิด! ได้โปรดบอกข้าว่าท่านไม่ได้โกรธข้า
ข้าจะพาท่านไปส่งที่คาเมล็อต และจะต่อสู้กับกษัตริย์อาเธอร์ เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าข้านั้น
เป็นอัศวินที่มีคุณธรรม”
ราชินีไม่รู้เรื่องแลนเซล็อตกับคนของเซอร์เมลิแกรนส์
นางจึงตอบตกลง
“ได้สิ เพราะว่าท่านสำนึกแล้ว
ข้ารู้สึกได้... ข้าจะไม่โกรธท่าน”
เมื่อแลนเซล็อตมาถึงที่ปราสาท
กวินนิเวียร์ก็บอกเขาว่า
“ข้าไม่โกรธเซอร์เมลิแกรนส์อีกแล้ว เราจะพักที่นี่กันคืนนี้
และเราก็จะกลับคาเมล็อตในรุ่งเช้า”
แล้วเซอร์แลนเซล็อตก็โกรธมาก
ซึ่งเซอร์เมลิแกรนส์ก็รู้สึกได้
‘เซอร์แลนเซล็อตจะต้องฆ่าข้าแน่ หลังจากที่ราชินีไปจากปราสาทแล้วในตอนเช้า’ เขาคิด
พวกเขาร่วมโต๊ะกินอาหารกันในห้องอาหารขนาดใหญ่ของปราสาท
เมื่อเสร็จจากมื้อค่ำนี้ เซอร์เมลิแกรนส์ก็บอกกับแลนเซล็อต
“ข้าจะนำท่านไปที่ห้องของท่าน
และเชิญพักผ่อนได้ตามสบาย”
แล้วเขาก็พาแลนเซล็อตเข้าไปในห้อง
ห้องหนึ่งที่ประตูบานหนึ่งอยู่บนพื้น เมื่อเซอร์แลนเซล็อตวางเท้าลงไปบนนั้น
บานประตูก็เปิดออก เขาตกลงไปยังห้องเล็กๆ ข้างล่างประตูนั่น
และไม่สามารถปีนกลับขึ้นมาได้ จากนั้นเซอร์เมลิแกรนส์ก็ไปหาราชินี
“เซอร์แลนเซล็อตไม่อยากอยู่ที่นี่
เขาจึงกลับไปที่เมืองคาเมล็อตแล้วฝ่าบาท” เขาบอกนาง
วันถัดมาราชินีกวินนิเวียร์กลับไปเมืองคาเมล็อตพร้อมกับเซอร์เมลิแกรนส์
เมื่อพวกเขาไปถึง ก็ได้ไปพบกับกษัตริย์อาเธอร์
“อัศวินของเจ้าบอกข้าว่า
เซอร์เมลิแกรนส์ลักพาตัวเจ้าไปที่ปราสาทของเขา” กษัตริย์อาเธอร์พูด
. “ใช่แล้ว” ราชินีกวินนิเวียร์บอกกษัตริย์อาเธอร์
“เมลิแกรนส์ลักพาข้าไปที่ปราสาทของเขา
และอัศวินของข้าก็พยายามต่อสู้เพื่อข้า แต่เมลิแกรนส์มีคนจำนวนมากกว่า
และพวกเขาก็แข็งแกร่งกว่าคนของข้าเกินไป แต่เขาก็ได้ขอโทษข้าแล้ว
ดังนั้นข้าจึงไม่ติดใจกับเรื่องนี้อีกแล้ว”
“บอกข้ามา เซอร์เมลิแกรนส์”
อาเธอร์ถาม
“เจ้าเป็นอัศวินของราชินีใช่หรือไม่?”
“เกิดอะไรขึ้นเมื่อเจ้าพบกับราชินีกวินนิเวียร์
อัศวินและหญิงในวังของนางในป่า?”
เซอร์เมลิแกรนส์ตอบว่า
“ข้าไม่ได้ลักพาราชินีไป
กษัตริย์อาเธอร์ นางมากับข้า เพราะนางรักข้า”
และนั่นเองก็ทำให้กษัตริย์โกรธเมลิแกรนส์มาก
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในปราสาทเซอร์เมลิแกรนส์มักจะนำอาหารไปให้แก่เซอร์แลนเซล็อตในทุกๆวัน
และนางก็ชอบเขา เพราะว่าเขาทั้งแข็งแกร่งและกล้าหาญ ดังนั้นขณะที่เซอร์เมลิแกรนส์พากวินนิเวียร์ไปที่เมืองคาเมล็อต
เด็กหญิงก็ได้เปิดประตูบนพื้นในห้องที่เขาตกลงไป
ทำให้เซอร์แลนเซล็อตหนีจากห้องนั้นมาได้
และเดินทางกลับไปที่ปราสาทของกษัตริย์อาเธอร์ทันที
กษัตริย์อาเธอร์กำลังรับประทานอาหารพร้อมหน้ากับราชินีและอัศวินของเขาอยู่ในห้องโถง
ตอนที่เซอร์แลนเซล็อตไปถึง แล้วเขาก็เห็นเซอร์เมลิแกรนส์อยู่ที่นั่น เขาจึงโมโหมาก
เขามองไปที่เซอร์เมลิแกรนส์
“เจ้าลักพาตัวราชินีกวินนิเวียร์ไปไว้ที่ปราสาทของเจ้า” เซอร์แลนเซล็อตพูดจนแทบจะตะโกนด้วยความโมโห
“นางไม่โกรธเจ้า ดังนั้นข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่เจ้าพูดว่านางรักเจ้า
ข้าจึงจะฆ่าเจ้าเสีย! ข้าเป็นอัศวินของกษัตริย์อาเธอร์ที่แข็งแกร่งที่สุด
ดังนั้นข้าจะสู้กับเจ้าโดยปราศจากหมวกเหล็ก ถึงอย่างนั้นข้าจะต้องชนะเจ้าแน่นอน!”
เซอร์เมลิแกรนส์จึงก็เข้าไปประชิดตัวของเซอร์แลนเซล็อตอย่างรวดเร็ว
เขาฟันเข้าไปที่หัวของอัศวินแลนเซล็อตที่ปราศจากหมวกนั้น แต่แลนเซล็อตก็กระโดนหลบทัน
แล้วใช้ดาบฟันกลับ ตัดไปที่หมวกเหล็กที่สวมอยู่บนหัวของเซอร์เมลิแกรนส์ขาดเป็นสองส่วน
ทำให้เซอร์เมลิแกรนส์ตายในทันที แล้วร่างของเขาล้มลงไปกับพื้น